วารสารทางการแพทย์ THE NEW ENGLAND JOURNAL OF MEDICINE เล่มที่ 336 ฉบับที่ 21 ประจำวันที่ 22 พฤษภาคม 2540 สิบสองปีเศษมาแล้ว มีบทความวิจัยที่น่าสนใจและเป็นเรื่องใหม่ จึงขอนำมาถ่ายทอดต่อดังที่เคยปฏิบัติมา
งานวิจัยที่ตีพิมพ์เป็นเรื่องแรกในฉบับนี้คือ INTERFERENCE WITH CARDIAC PACEMAKER BY CELLULAR TELEPHONES โดยมีนายแพทย์เดวิท แอล เฮยส์ เป็นหัวหน้าคณะนักวิจัย ซึ่งทำงานอยู่ที่เมโยคลีนิค เมืองโรเชสเตอร์ รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา
การศึกษานี้เป็นการศึกษาร่วมกันหลายศูนย์ (MULTICENTER SUTDY) ศูนย์ที่เข้ามาร่วมกับเมโย คลินิคในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นิว อิงแลนด์ เมดิคัล เซ็นเตอร์ที่บอสตัน ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟโอคลาโฮมา เฮลท์ ไซแอนซ์เซ็นเตอร์ ที่โอคลาโฮมา ซิตี้ และเฮลท์ แอนด์ เอ็นไวรอน เม็นตัล กรุ๊พ วอชิงตัน ดีซี.
การศึกษาวิจัยนี้ มีคำถามว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือที่เราเรียกกันแบบชาวบ้านหน่อยว่า “มือถือ” จะมีผลรบกวนต่อการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ (PACEMAKER) หรือไม่ ถ้ารบกวนจะมีผลมากน้อยเพียงใด จะก่ออันตรายอะไรบ้างไหม
ในผู้ป่วยที่การเต้นของหัวใจผิดจังหวะเต้นผิดปกติจะมีวิธีการรักษาอยู่วิธีหนึ่งก็คือฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ เอาไว้ให้เป็นตัวที่จะส่งกระแสไฟฟ้า ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจให้เต้นตามจังหวะที่ถูกกระตุ้น เครื่องกระตุ้นที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้มีอยู่สองชนิดด้วยกันคือ DUAL CHAMBER PACEMAKER กับ SINGLE CHAMBER PACEMAKER ทั้งสองชนิดนี้ยังจะมีส่วนประกอบปลีกย่อยอีกก็คือ บางชนิดจะมีเครื่องกรองที่เรียกว่า FEED THROUGH FILTER บางชนิดก็ไม่มี
เริ่มแรกทีเดียวได้มีผู้ทำเรื่องการรบกวนของโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเซลลูล่าร์จีเอสเอ็มต่อเครื่องกระตุ้นหัวใจไปบรรยายในการประชุม THE BIOELECTROMAGNETICS SOCIETY ซึ่งมีการประชุมประจำปีครั้งที่ 16 ที่กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ค ระหว่างวันที่ 12-17 มิถุนายน พ.ศ. 2437 ซึ่งมีรายงานเสนอในการประชุมนี้หลายรายงานด้วยกัน จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลสหรัฐได้มอบหมายให้นักวิจัยได้ไปศึกษาค้นคว้าวิจัยดูซิว่าความจริงเป็นอย่างไรและ
ผลจะมากมายร้ายแรงอย่างไรบ้าง
คณะนักวิจัย 4 กลุ่ม 4 สถาบันที่ผมได้รายงานได้แต่แรกแล้วนั้น ได้ทำการศึกษาผู้ป่วยที่ได้รับการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจเอาไว้อย่างถาวรจำนวน 890 ราย โดยที่ผู้ป่วยทุกรายยินยอมให้ทำการศึกษา วิธีการศึกษา โครงการศึกษา ตลอดจนใบยินยอมได้รับการรับรองจากคณะกรรมการวิจัยของทั้งสี่สถาบันว่าให้ดำเนินการตามที่เสนอได้ ทั้งนี้เพื่อให้ถูกต้องกับกระบวนการที่ใช้มนุษย์ในการวิจัยทางแพทย์ที่ชอบด้วยจริยธรรม
เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่นำมาทดลองมีอยู่ 5 ชนิดด้วยกัน เป็นชนิด ANALOGUE TELEPHONE หนึ่งชนิด และ DIGITAL TELEPHONE อี 4 ชนิด คือ NORTH AMERICAN DIGITAL CELLULAR (NADC); TIME DIVISION MULTIPLE ACCESS-11 (TDHA-11); PERSONAL COMMUNICATION SYSTEM-1900 (PCS-1900) และ CODE DIVISION MULTIPLE ACCESS (CDMA) ขณะที่นำมาทดลองได้เปิดเครื่องโทรศัพท์ใช้ในขณะที่ส่งสัญญาณ โดยมีพลังส่งอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสร้างสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดให้เกิดขึ้น
ผู้ป่วยที่นำมาศึกษาวิจัยให้นั่งทำมุมตั้งแต่ 60 ถึง 90 องศา โดยมีการตั้งโปรแกรม ให้เครื่องกระตุ้นหัวใจทำงานตามปกติและใช้เครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิดสามแชนแนลบันทึกตลอดเวลา เทคนิเชียนคนที่หนึ่งจะเป็นคนหมุนโทรศัพท์ อีกคนหนึ่งจะเป็นผู้บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจไปพร้อม ๆ กัน โดยที่ผู้บันทึกคลื่นไฟฟ้าจะไม่ทราบชนิดของโทรศัพท์
การทดลองจะทำสองครั้งโดยใช้เครื่องโทรศัพท์เครื่องเดิม ครั้งแรกจะแนบโทรศัพท์เข้าที่หูผู้ถูกทดลอง ที่หูข้างเดียวกันกับที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจฝังอยู่ การทดลองครั้งที่สอง ให้เสาอากาศของโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ห่างจากจุดที่ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ 1-2 ชม. การทดลองครั้งที่ 2 ให้ทิ้งช่วงห่างจากครั้งแรกนานพอสมควร ระหว่างพักจะมีการตรวจสอบดูโปรแกรมของเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปประการใดหรือไม่ระหว่างทดลองและระหว่างพัก
จะถามดูอาการของผู้ถูกทดลองตลอดเวลา
ผลการทดลองปรากฏว่า ในการทดลองโทรศัพท์ 5,333 ครั้ง จะพบว่ามีอุบัติการรบกวนต่าง ๆ เกิดขึ้นร้อยละ 20 แต่ผู้ถูกทดลองจะรายงานว่ามีอาการต่าง ๆ เพียงร้อยละ 7.2 อุบัติการณ์ อาการที่รายงานเป็นอาการที่สำคัญร้อยละ 6.6 ถ้าหากโทรศัพท์โดยวิธีปกติ (แนบกับหู) จะไม่พบการรบกวนที่สำคัญแต่อย่างใด การรบกวนที่สำคัญจะเกิดขึ้นจริง ๆ เพียงร้อยละ 17 ก็ต่อเมื่อ เอาโทรศัพท์วางไว้บนตำแหน่งของเครื่องกระตุ้นหัวใจ ในบรรดาการรบกวนที่เกิดขึ้นร้อยละ 25.3 จะพบในกรณีที่ใช้ DUAL CHAMBER PACEMAKER แต่จะพบในกรณีที่ใช้ SINGLE CHAMBER PACEMAKER เพียงร้อยละ 6.8 ซึ่งความแตกต่างกันนี้มีนัยสำคัญทางสถิติ อุบัติการพบจะบ่อยขึ้นถ้าเป็นชนิดที่ไม่มี FEED THROUGH FILTER ร้อยละ 28.9 ต่อร้อยละ 55.8
ผลการทดลองศึกษาวิจัยในครั้งนี้สรุปได้ว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเซลลูลาร์สามารถจะรบกวนด้านการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดฟังได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าใช้โดยแนบโทรศัพท์ไว้ที่หูจะไม่มีการรบกวนแต่อย่างใด การวางโทรศัพท์ไว้ใกล้เครื่องกระตุ้นหัวใจขณะที่กำลังใช้จะก่อให้เกิดการรบกวนได้ ยังมีคำถามที่สาธารณชนต้องการคำตอบก็คือ คลื่นวิทยุจากโทรศัพท์มือถือที่แนบอยู่กับหูทุกวัน วันละหลายครั้ง บางคนครั้งละนานๆ จะมีผลต่อสมองบ้างใหม เคยทราบว่ามีงานวิจัยเสร็จแล้วเหมือนกัน วันข้างหน้าจะเอามาเล่าครับ
ผมเอามาเล่าก็เพื่อท่านที่ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดฝังไว้จะได้ระมัดระวังในการใช้เครื่องโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในวิถีชีวิตประจำวันในสังคมปัจจุบันนี้ จะได้ปลอดภัยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น